กลุ่มเหล็กสหวิริยา สนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษา ระบบทวิภาคี (Dual Vocational Training) วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน จัดกิจกรรมประกวดสิ่งประดิษฐ์และสัมมนาวิชาการ Show & Share ภายใต้โครงการ “ทวิภาคีพัฒนาบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรมเหล็ก” รุ่นที่ 14 ประจำปีการศึกษา 2564 โดยเปิดเวทีให้นักเรียน-นักศึกษา ระบบทวิภาคี วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน ที่เข้ามาฝึกอาชีพในกลุ่มเหล็กสหวิริยา ได้มีโอกาสคิดค้นและนำเสนอผลงานสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ชิงเงินรางวัลจากกลุ่มเหล็กสหวิริยา โดยมีนักเรียน-นักศึกษา ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด จำนวน 26 ชิ้นงาน และมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากกลุ่มเหล็กสหวิริยา จำนวน 4 ท่านเข้าร่วมประเมินผลและพิจารณาตัดสินผลงาน ผ่านรูปแบบออนไลน์ (ระบบ Google meet) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส COVID-19
กิจกรรมประกวดสิ่งประดิษฐ์และสัมมนาวิชาการ Show & Share เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นภายใต้โครงการ “ทวิภาคีพัฒนาบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรมเหล็ก” ตามบันทึกข้อตกลงของกลุ่มเหล็กสหวิริยา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และวิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน ในการร่วมกันพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน พัฒนาฝีมือ ความรู้ และความสามารถ ของนักเรียนและนักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเหล็กสหวิริยา โดยปัจจุบันมีนักเรียนและนักศึกษาในโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 764 คน กลับเข้ามาร่วมงานกับกลุ่มเหล็กสหวิริยา จำนวน 207 คน
กลุ่มเหล็กสหวิริยาตอบสนองนโยบายก.แรงงาน สนับสนุนจ้างงานคนพิการเชิงสังคมจำนวน 26 คน
กลุ่มเหล็กสหวิริยาตอบสนองโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ตามมาตรา 35 ประเภทจ้างเหมาบริการ ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ดำเนินการจ้างงานคนพิการภายใต้โครงการดังกล่าว จำนวน 26 คน ในการงานสนับสนุนในหน่วยบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้บ้านผู้พิการ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศ โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสให้คนพิการมีงานทำ เกิดรายได้เลี้ยงดูครอบครัว พร้อมกับยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม นอกเหนือจากนี้ กลุ่มเหล็กสหวิริยายังได้ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ตามมาตรา 33 ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามความรู้ ความสามารถ จำนวน 5 คน ซึ่งทั้งหมดปฏิบัติงานที่โรงงานในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมอีกด้วย ทั้งนี้ ตามพ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จ้างคนพิการเข้าทำงานในอัตราส่วน 100 : 1 หากไม่สามารถดำเนินการได้ จะต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในอัตรา 114,245 บาทต่อปี ตามจำนวนคนพิการที่ไม่ได้จ้าง ซึ่งกองทุนฯจะนำเงินดังกล่าว ไปส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการต่อไป อย่างไรก็ดีในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย รวมทั้งกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มคนพิการ ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือให้คนพิการมีงานทำ มีรายได้สามารถดูแลตนเองและครอบครัว โดยได้รับการจ้างงานจากสถานประกอบการในรูปแบบอื่น ที่เป็นทางเลือกตามกฎหมายและสามารถดำเนินการได้ จึงส่งเสริมให้สถานประกอบการเลือกใช้วิธีการจ้างเหมาบริการคนพิการปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็น 1 ในกิจกรรมการดำเนินการตามมาตรา 35 ที่จะทำให้คนพิการเกิดรายได้ทันที สามารถมีงานทำและได้รับการจ้างงานโดยตรง
SSIแชร์ผลงานร่วมมจธ.จัดหลักสูตรไอที พัฒนาสมรรถนะบุคลากรรับยุคดิจิตอล
นายณรงค์ฤทธิ์ โชตินุชิตตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและร่วมแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ที่ได้รับจากความร่วมมือทางวิชาการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีระหว่างเอสเอสไอและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ผ่านหลักสูตร Digital Service Innovation (DSI): School of Information Technology (School of IT) ภายใต้โครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิต ตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจเยี่ยมติดตามโครงการฯ โดยมี ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นประธาน ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านต่างๆที่ต้องการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงต่อองค์กรยุคดิจิทัล พร้อมกับผลิตบุคลากรที่สามารถทำงานได้จริงในสภาพแวดล้อมที่เทคโนโลยีดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้กับงานต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพผ่าน School of IT โดยจัดการเรียนการสอนให้กับพนักงานระดับบริหารของเอสเอสไอจำนวน 56 คน ใน 5 หัวข้อการเรียนรู้ประกอบด้วย 1. Digital Transformation 2. Digital Service 3. Information Management (1) 4. Information Management (2) และ 5 Digital Project มีระยะเวลาเรียนทั้งสิ้น 90 ชั่วโมง โดยหลังจากการเรียนรู้พนักงานสามารถนำความรู้ไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานของตนเองได้และพัฒนาต่อยอดเป็นโมเดลธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ เช่น การสร้างแอพพลิเคชั่นคำนวณต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และการคำนวณค่าใช้จ่ายการเดินทางของพนักงาน เป็นต้น
กลุ่มเหล็กสหวิริยาสนับสนุนกิจกรรมประมงพื้นบ้านบางสะพาน สานประมงยั่งยืน คืนสัตว์น้ำสู่แหล่งธรรมชาติ
กลุ่มเหล็กสหวิริยาร่วมกิจกรรมและสนับสนุนน้ำดื่มกิจกรรมเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยมีนายวรวิทย์ ดวงแก้ว ปลัดอำเภอเจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ เป็นประธานในพีธี สำหรับกิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งธรรมชาติให้กับชุมชน โดยการร่วมกันปล่อยหอยตะโกรมกรามขาวจำนวน 5,000,000 ตัว คืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เร่งฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ เพื่อคงความยั่งยืนให้กับทรัพยากรสัตว์น้ำ พร้อมเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับเกษตรกรชาวประมงในพื้นที่บางสะพาน ซึ่งจัดโดยสำนักงานประมงอำเภอบางสะพาน เครือข่ายประมงพื้นบ้านอำเภอบางสะพาน และสมาคมชาวประมงบางสะพาน ณ คลองปากปิด ม.1 บ้านฝ่ายท่า ตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
กลุ่มเหล็กสหวิริยามอบเพิ่ม30เตียง รพ.สนามบางสะพานรับมือโควิด
กลุ่มเหล็กสหวิริยาภายใต้โครงการ “ความร่วมมือ Save Bangsaphan มอบเตียงกระดาษเพิ่มเติมอีก 30 เตียงให้โรงพยาบาลสนาม ณ อาคารศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก หมู่ที่ 1 บ้านฝ่ายท่า ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการน้อย ซึ่งโรงพยาบาลสนามแห่งนี้มีการควบคุมการจัดตั้งให้ถูกต้องตามมาตรฐานและเป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด มีความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และระบบการดูแลรักษาความปลอดภัย คอยดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนมีความเข้มงวดในระบบการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไปสู่ชุมชนโดยรอบ เพิ่มความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วยและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชุมชนโดยรอบ